วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

คิดถึงเราคนแรกได้ไหม

ทุกๆปีของวันปีใหม่เราทุกๆคนที่มีบ้านที่ต่างจังหวัดก็ต้องได้กลับบ้านกันและในปีนี้อีกปีหนึ่งที่จะต้องเร่งรีบหาเงินเก็บสะสมกระเป๋าโน๊ตบุ๊ค สะพายหลังไว้รอเดินทางกลับต่างจังหวัดกันเพื่อไปพบไปกราบเท้าพ่อแม่อันเป็นที่รักได้ไปเยี่ยมเยือนบ้านเกิดได้ไปทานอาหารของบ้านเกิดที่ไม่ค่อยได้ลิ้มรสมานาน ได้เอาเงินไปใส่มือพ่อแม่อย่างที่สมใจ และในปีนี้จะเป็นปีที่เดินทางได้สบายหน่อยเพราะเรามีรถยนต์ขับไปเอง พูดถึงการเดินทางก็อยากจะเล่าการเดินทางของปีที่แล้วว่ามันช่างโหดร้ายเหลือเกิน ทนทรมาน รถก็เป็นกระเป๋าโน๊ตบุ๊คสวยๆของบริษัทที่ให้ยืมกลับบ้านแต่สภาพไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่แต่เราก็เสี่ยงที่จะเอามันเดินทางกลับบ้านไปเพราะว่าไม่ได้กลับมาเป็นสองสามปีพอปีนี้เลยอยากจะกลับมากๆ ก็ต้องเสี่ยงกันหน่อยละ รถเป็นรถยนต์สองประตูแต่มีหนึ่งตอนไปกันสี่คนพ่อแม่ลูกด้วยความที่อยากไปตอนนั้นร่างกายก็ไม่ค่อยดีตัวเองดันป่วยเป็นเกี่ยวกับระบบปัสสาวะ เดินทางไปซักระยะเป็นผ่านปั้มน้ำมันเป็นไปไม่ได้ต้องแวะปัสสาวะตลอด ท้องก็ป่องเจ็บท้องหลังก็แข็งตลอดเวลา บอกเลยว่าโคตรๆทรมาน และคิดดูว่าเดินทางจากกรุงเทพฯไปนครพนมใช้เวลาแปดถึงเก้าชั่วโมง จนต้องแวะพักเหนื่อยระหว่างทางกันพอดีกับว่าแฟนบอกว่ายางล้อรถยนต์ไม่ค่อยดี ต้องขับรถหาที่ซื้อและเปลี่ยนยางรถยนต์เงินที่เตรียมเอาไปไว้ใช้ก็ร่อยเหลอ การเดินทางในวันนั้นเป็นการเดินทางที่ทนทรหดสุดๆสำหรับเรากัน ด้วยภาวะร่างกายของเราเองก็ไม่ค่อยดี ในที่สุดกระเป๋าเป้ใส่โน๊ตบุ๊ค ยี่ห้อไหนดีก็ถึงจุดหมายกันแบบทุลักทุเลในเวลาภพค่ำของวันนั้นพอดีเพราะว่าแฟนขับรถแบบไม่เร่งรีบประจวบตัวเราเองก็แวะปั้มน้ำมันตลอกทาง พอถึงเท่านั้นแหละทั้งพี่สาวแฟนญาติๆก็มารอทำอาหารรอกันวิ่งมารับหลานๆด้วยความดีใจที่ไม่ได้เจอกันมานาน แฟนก็เข้ากราบเท้าแม่หรือย่าของเด็กๆนั่นเอง ต่างคนก็ต่างดีใจจนน้ำตาร่วงกอดกันแม่ลูก มันเป็นภาพที่เราได้เห็นแล้วรู้สึกปลื้มดีใจไปด้วยน้ำตาก็คลอไปด้วย เด็กก็วิ่งมากราบย่ากันกอดย่ากันอย่างร่าเริงหอมแก้มย่ากัน ย่าก็หอมแก้มหลานและถามหลานๆว่า ไหนคนไหนชื่อน้ำ คนไหนชื่อเพชร ย่าจำไม่ได้แล้วว่าหลานคนไหนชื่อไรกันบ้าง พากันโตเป็นสาวกันจนย่าจำไม่ได้แล้วย่ากล่าว จากนั้นเราก็พาย่าไปร่วมรับประทานอาหารกันคุยกันยิ้มแย้มแจ่มใส นี่ละน้าครอบครัวของเรา กระเป๋าโน๊ตบุ๊ค

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น